ภาพถ่ายโดย inga Spence / Alamy Stock Photo

 

เวลาในการอ่าน 3min


การเปลี่ยนการจ่ายไฟฟ้าของเราเป็นพลังงานหมุนเวียน
Sustainability Newsmatter #6 – ตุลาคม 2021

ในปี 2020 เราได้เพิ่มอัตราการจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับโรงงานห้าแห่งของเรา โดยการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ได้แก่ ลม น้ำ และแสงอาทิตย์ การเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนนั้นช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก ในฉบับนี้ เราจะอธิบายถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และยกตัวอย่างจากโรงงานของเราเอง

เส้นทางสู่การลดปริมาณทางคาร์บอนของเรามีสามส่วนประกอบหลักด้วยกัน ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการผลิต การเปลี่ยนส่วนที่ส่งผลกระทบสูงสุด และการสร้างสมดุลการปล่อยมลพิษที่เหลือ ในฉบับที่แล้วเราได้กล่าวถึงตัวอย่างหนึ่งของการเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการผลิต ในวันนี้ เราจะมาเน้นที่องค์ประกอบที่สอง นั่นคือ “การเปลี่ยนส่วนที่ส่งผลกระทบสูงสุด” ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนทั้งวัสดุและพลังงานมาเป็นชนิดคาร์บอนต่ำหรือชนิดที่ใช้พลังงานหมุนเวียน การใช้พลังงานไฟฟ้าของเราในบางโรงงานส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศสูงสุดถึง 35% โดยเฉลี่ยแล้ว ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนส่งผลกระทบน้อยกว่าสัดส่วนการผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบเดิมถึง 93%(1) นั่นหมายความว่าการเพิ่มอัตราการจ่ายไฟจากพลังงานหมุนเวียนในโลกของเราจะเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกของเราสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

การจัดซื้อและการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทำให้เราลดผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วโลกลง 28,900 ตัน CO2eq จากทุกโรงงานของเรา ซึ่งเทียบเท่ากับการเดินทางไปกลับจากนิวยอร์กถึงเซี่ยงไฮ้โดยมีผู้โดยมีผู้โดยสารเต็มลำ 65 เที่ยว(4)

ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนคืออะไร

ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมาจากแหล่งหรือกระบวนการทางธรรมชาติที่มีการสร้างขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง (เช่น ดวงอาทิตย์ ลม น้ำ และอื่นๆ) ซึ่งตรงข้ามกับไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานไม่หมุนเวียน ซึ่งเกิดจากแหล่งที่มีปริมาณจำกัดและอาจหมดไปได้ (เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ยูเรเนียม และอื่นๆ)

แหล่งพลังงานหลักของไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนคือน้ำ ลม และแสงอาทิตย์ ในฐานะกลุ่มบริษัท การผลิตของเราหลายแห่งกำลังเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

 

ไฟฟ้าพลังน้ำ คือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานของน้ำที่เคลื่อนไหว เช่น น้ำที่ไหลตามแม่น้ำ แคนาดามีทะเลสาบและน้ำตกมากมาย จึงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำรายใหญ่ที่สุดของโลก ในบางรัฐ เช่น ควิเบก ซึ่งมีโรงงาน Formica St-Jean ของเราตั้งอยู่บนอัตราส่วนกริดประกอบไปด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% โดยมีไฟฟ้าพลังน้ำ 94%(2) ในขณะเดียวกัน ฟินแลนด์ก็มีสถานีไฟฟ้าพลังน้ำมากมาย โรงงานของเราที่ Formica Kolho จึงได้เปลี่ยนมาใช้แหล่งไฟฟ้าพลังน้ำ 100% ในปี 2020

 

ไฟฟ้าพลังลม คือการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม โดยใช้พลังงานจลน์ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของลม ยกตัวอย่างเช่น โรงงานของเราที่ Trespa, Arpa และ Formica Valencia กำลังใช้แหล่งพลังงานหลักจากไฟฟ้าพลังลม 100%

 

ไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ คือการผลิตไฟฟ้าโดยการแปลงพลังงานจากดวงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าเพื่อใช้งาน สามารถเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ได้หลากหลายวิธี ซึ่งวิธีที่พบบ่อยที่สุดคือ ระบบแผงโซลาร์แบบ Photovoltaic (PV)  นอกจากการจัดซื้อไฟฟ้าพลังลมแล้ว Arpa ก็ยังผลิตไฟฟ้าประมาณ 20% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งปีจาก PV ที่ติดตั้งหน้างาน Formica North Shields ก็กำลังเปลี่ยนสู่สัดส่วนพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 79%(3) โดยประกอบด้วยไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์มากกว่า 45%

 

Image source: Getty image

 

การจัดซื้อและการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทำให้เราลดผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วโลกลง 28,900 ตัน CO2eq จากทุกโรงงานของเรา ซึ่งเทียบเท่ากับการเดินทางไปกลับจากนิวยอร์กถึงเซี่ยงไฮ้โดยมีผู้โดยมีผู้โดยสารเต็มลำ 65 เที่ยว(4)

โอกาสเหล่านี้คือก้าวต่อไปของเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของเรา อย่าพลาดฉบับต่อไปของเรา โดยเราจะพูดถึงวัสดุจากพลังงานหมุนเวียน

 

ขอบคุณสำหรับการอ่าน!

 

(1) คำนวณโดยใช้อัตราส่วนไฟฟ้าเฉลี่ยรอบโลกและอัตราส่วนไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจากข้อมูลใน Ecoinvent 3.6
(2) Energy Generation 2018, Canada Energy Regulator (cer-rec.gc.ca)
(3) อัตราส่วนพลังงานไฟฟ้าใน North Shields: พลังงานหมุนเวียน 79%: พลังงานแสงอาทิตย์ 45% ลม 20% น้ำ 10% ความร้อนใต้พิภพ 2% และไม่ระบุ 2% พลังงานฟอสซิล 17% และนิวเคลียร์ 4%
(4) คำนวณจากเครื่องคำนวณการปล่อยคาร์บอนของ ICAO: เดินทางจาก JFK ไปยัง PVG โดยมีผู้โดยสาร 470 คนในที่นั่งชั้นประหยัด

Irmak Akal   |   Alessandra Fusi   |   Charlotte Valliere

 

 

สำหรับใช้เป็นการภายในเท่านั้น